สิงคโปร์ ส่อกระอัก? “มหาเธร์”สั่งล้มรถไฟความเร็วสูง KL-สิงคโปร์

630

 

น่าห่วงไม่น้อย สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของมาเลเซีย และน่าห่วงว่า จะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่

โดยล่าสุดมีรายงานว่า มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ประกาศยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงกัวลาลัมเปอร์สิงคโปร์มูลค่า ราว 17,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ราว 5.4 แสนล้านบาท ซึ่ง มหาเธร์ ระบุว่า เป็นส่วนหนึ่งของการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล และการลงทุนที่จำเป็นสำหรับประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกล้มละลาย

มหาเธร์ เน้นย้ำว่า ต้องกำจัดโครงการที่ไม่จำเป็นบางอย่าง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง

 

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงกัวลาลัมเปอร์สิงคโปร์ อยู่ในขั้นตอนการหาผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยกำหนดแล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2569 ซึ่งหากแล้วเสร็จจะช่วยให้การเดินทางระหว่างกัวลาลัมเปอร์กับสิงคโปร์เหลือเพียง 90 นาที จากปกติ 5 ชั่วโมง ด้วยความเร็วมากกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีระยะทางรวม 350 กิโลเมตร

ถึงกระนั้นก็ตาม ทางการสิงคโปร์ ระบุว่า ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับเรื่องนี้จากมาเลเซีย ก็หมายความว่าโครงการนี้ จะยังคงดำเนินต่อไปตามข้อตกลง

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้ทำสัญญากันขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2559 ระหว่างนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในตอนนั้น กับนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์

ประเด็นที่น่าสนใจคือ การยกเลิกโครงการดังกล่าวจะมีผลกระทบตามมาอย่างไรบ้าง

ประเด็นแรก ผลกระทบต่อสิงคโปร์ แน่นอนว่าสิงคโปร์ หมายมั่นปั้นมือว่า สถานีรถไฟความเร็วสูงโครงการนี้ในสิงคโปร์ จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเดินทาง และการท่องเที่ยว แต่เมื่อต้องล้มเลิกโครงการ ทั้งงบประมาณและแผนการลงทุน ทั้งของรัฐและเอกชนที่ดำเนินการไปแล้ว จะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล

แม้ว่า มหาเธร์ ระบุว่าอาจต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับสิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทย ราว 4,000 ล้านบาท แต่จะคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรง หรือ โอกาสทางเศรษฐกิจ ที่เสียไปหรือไม่

 

Cr.MyHSR Corporation

 

ในขณะที่มาเลเซีย ก็มีผลกระทบที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงทุนและเตรียมการรองรับโครงการนี้ไว้แล้ว ซึ่งไม่มีรายละเอียดว่า ทางรัฐบาลมาเลย์ จะเยียวยาให้กับภาคเอกชนหรือไม่

เชื่อว่า”มหาเธร์”รู้อยู่เต็มอกว่ามีความเสียหายมาก แต่ไม่มีทางเลือ เพื่อแลกกับประเทศไม่ล้มลายของประเทศ เพราะตอนนี้มาเลเซีย มีหนี้สาธารณะ สูงกว่า 1 ล้านล้านริงกิต หรือ ราว 8.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

นั่นเป็นผลกระทบโดยทั่วไป แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความฝันเรื่องการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ของมาเลเซียกับสิงคโปร์จะยังไม่เกิดขึ้นจริง นับจากมาเลเซีย ได้ไล่สิงคโปร์ออกจากการร่วมสหพันธรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2508

ผลกระทบคงไม่หยุดแค่โครงการนี้อย่างเดียว มหาเธร์ ระบุว่า จะมีการต่อรองลดหนี้กับจีน ในโครงการรถไฟความเร็วสูง มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 446,600 ล้านบาท ที่ได้ร่วมมือกับจีน เพื่อเชื่อมระหว่างพรมแดนไทยฝั่งตะวันออกบริเวณทะเลจีนใต้ กับช่องแคบมะละกาที่อยู่ทางตะวันตก

 

ซึ่ง มหาเธร์ ระบุว่า การจัดการกับโครงการทั้งหมดนี้ สามารถลดหนี้ลงได้ 2 แสนล้านริงกิต

ก้าวย่างของมาเลเซีย ภายใต้การนำของนายกฯมหาเธร์ ต่อจากนี้ จึงน่าจับตาอย่างไม่พริบ โดยเฉพาะต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจประเทศในภูมิภาคนี้ อย่างเฉพาะสิงคโปร์ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ต้องคิดตามดูกันต่อไปครับ