ไทย-ลาว ชื่นมื่น! วางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพฯแห่งที่ 5 แล้ว

1149

 

ไปติดตามความคืบหน้า โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ล่าสุด นายกฯไทย และลาว ได้เป็นประธานร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ชี้สะพานนี้ ให้เป็นอีกหนึ่งประตูการค้าที่สำคัญ และช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้ง 2 ประเทศ เรื่องนี้น่าสนใจไปติดตามกัครับ

28 ตุลาคม 2565 เวลา 09.10 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางถึงบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 เพื่อเป็นประธานร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ (Groundbreaking Ceremony) โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ณ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 ฝั่งไทย ณ จังหวัดบึงกาฬ นายกรัฐมนตรีพบปะประชาชนที่มาร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์

นายกฯไทย และลาว ได้เป็นประธานร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ)

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้ลงเรือข้ามแม่น้ำโขงไปยังบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อร่วมพิธีฯ ด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี จะร่วมหารือทวิภาคีร่วมกับนายพันคำ วิพาวัน นายกฯ สปป.ลาว จากนั้นผู้นำทั้งสองประเทศจะร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บริเวณเต็นท์ประกอบประกอบพิธีฝั่ง สปป.ลาว

อนึ่ง เมื่อการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) แล้วเสร็จ จะทำให้เกิดการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจบริเวณด่านชายแดนฝั่งจังหวัดบึงกาฬ และชายแดนฝั่งแขวงบอลิคำไซ ให้เป็นอีกหนึ่งประตูการค้าที่สำคัญ ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับ สปป. ลาว ทำให้การขนส่งสินค้าจากไทยไปสู่ตลาดจีนตอนใต้คล่องตัวขึ้น โดยเฉพาะ “ยางพารา” ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬ อีกทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า จากไทยไปสู่ตลาดในจีนตอนใต้ และเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากภาคกลางของ สปป.ลาว สู่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังของไทย เพื่อส่งออกทางทะเลต่อไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกจากนี้ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว ยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศให้มีความใกล้ชิดและเดินทางไปมาหากันได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว เปิดเส้นทางท่องเที่ยว 3 ประเทศ “ไทย-ลาว-เวียดนาม” ภายหลังการคมนาคมเชื่อมโยงถึงกัน